Episodes
Wednesday Apr 26, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP11 อยากสร้างแบรนด์ต้องฟัง ข้อคิดจากหนังสือ START WITH WHY
Wednesday Apr 26, 2023
Wednesday Apr 26, 2023
ข้อคิดจากหนังสือเรื่อง Start With Why
ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่สนใจเรื่องการเป็นผู้นำและการตลาด การที่จะเราจะนำคนได้และสร้างฐานลูกค้าที่สนับสนุนเรา เราต้องมีเจตุจำนงที่ชัดเจนซึ่งมันเริ่มจากการตั้งคำถามว่า “ทำไม”
1) ธุรกิจที่มองแต่เป้าหมายจนลืมเจตุจำนงของตัวเอง
การตั้งเป้าหมายสำคัญแน่นอนซึ่งถ้ามาดูเป้าหมายทางธุรกิจอย่างยอดขายและผลกำไร แทบธุรกิจนั้นก็ต้องนึกถึงตัวเลขเหล่านี้อยู่แล้ว แต่วิธีการที่จะไปสู่เป้าหมายนั้นก็ต่างกัน แต่ก่อนที่เราจะไปถึงวิธีการได้เราต้องเริ่มจากเจตุจำนง (Why) ของตัวผู้นำและธุรกิจก่อน เขายกตัวอย่างของผู้ผลิตรถยนต์ของอเมริกันและญี่ปุ่นที่แน่นอนว่าตัวสินค้า Final Product คือรถยนต์ (What) แต่พอผู้ผลิตชาวอเมริกันไปเยี่ยมชมการทำงานของคนญี่ปุ่นพบว่าวิธีการ (How) เขาช่างต่างกัน สำหรับชาวอเมริกันเขาต้องจ้างคนมาทุบประตูให้เข้าที่แต่ผู้ผลิตชาวญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องจ้างคนหรือซื้ออุปกรณ์มาทุบประตูนี้เลยเพราะมันถูกออกแบบมาแต่แรกแล้ว นี้คือตัวอย่างครับ ผลลัพท์หรือ Final Product (What) ที่เป็นรถยนต์นั้นเหมือนกันแต่วิธีการ (How) ผลิตนั้นต่างกันเพียงเพราะการตั้งโจทย์ (Why) คนญี่ปุ่นออกแบบการผลิตมาให้ประตูมันเข้าที่แต่แรก
2) ธุรกิจที่เจตุจำนงไม่ชัดย่อมขาดตัวตน Branding
ลองนึกภาพคนที่ตัวตนไม่ชัดครับ เขาทำทุกอย่างแต่ไม่เด่นซักอย่าง พอพูดถึงเขาแล้วเราไม่สามารถโยงชื่อเขากับสิ่งใดสิ่งนึงได้เลย สิ่งนี้มันเริ่มจากการที่เจตุจำนงของเขาไม่ชัดเจน ซึ่งพอพูดถึงธุรกิจแล้วมันก็เปรียบเสมือนแบรนด์ดิ้ง ในปัจจุบันก็มีศัพท์อย่าง Personal แบรนด์ดิ้งเช่นกัน นึกภาพอย่าง Apple ที่เขาต้องการท้าทายสิ่งเก่าๆ ต้องการเปลี่ยนโลกด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ พอพูดถึง Apply ก็จะนึกถึง Innovation บ้าง Creativity บ้าง และ Branding ของคุณละคืออะไร เจตุจำนงของคุณคืออะไร?
3) สิ่งที่ธุรกิจทำทุกอย่างเป็นตัวบ่งบอกตัวตน Branding
เมื่อเจตุจำนงของเราชัดเราก็จะสามารถเลือกได้ว่าสิ่งที่เราจะทำมันตรงต่อเจตุจำนงของเรารึเปล่า เพราะทุกสิ่งที่เราทำและพูด ลูกค้าเห็นหมด พนักงานในบริษัทก็เห็นหมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำและคำพูดที่เราจะเลือกต้องสอดคล้องไปกับเจตุจำนงและแบรนด์ดิ้งที่เราจะสร้างขึ้นมา
4) หาคนที่จะสร้างภาพในหัวเราให้เป็นจริง
พอธุรกิจยิ่งโต ผู้นำก็จะเริ่มห่างจากลูกค้ามากขึ้น จากที่เป็นคนที่คอยคิดเองลุยเอง เขาต้องเริ่มขยับมาเป็นคนที่คอยคิด คอยตั้งคำถามและส่งต่อความคิดนี้ลงไปสู่ทีมที่จะช่วยลงมือให้ภาพนั้นเป็นจริง สิ่งที่องค์กรมักจะพลาดไปคือความคิดของผู้บริหารนั้นไม่ถูกส่งลงไปสู่ผู้ลงมือทำ ไม่ก็ผู้ลงมือทำไม่สามารถสร้างสิ่งที่ผู้บริหารต้องการได้ พอเป็นเช่นนั้นแบรนด์ดิ้งจะเริ่มถูกกระทบเพราะภาพที่ถูกส่งออกไปให้ลูกค้านั้นมันเริ่มไม่ชัดเจน
5) พอ Branding มันชัดผู้ติดตามก็จะมา
ถ้าเจตุจำนงเราชัด แบรนด์ดิ้งเราชัดเราก็จะเริ่มสร้างผู้ติดตามที่เป็นอีกกระบอกเสียงให้เรา ในตลาดที่เราอยู่อาจมีผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการเดียวกับเราแต่ลูกค้าเลือกซื้อเราเพราะเขาเชื่อในเจตุจำนงของเรา เขาตามเราเพราะแบรนด์ดิ้งที่เราสร้าง แน่นอนว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ไม่เห็นด้วย
สรุปแล้วการที่เราจะนำคนได้ เราต้องสร้างเจตุจำนงของเราโดยการตั้งโจทย์ให้ชัดว่าเราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เมื่อเจตุจำนง (Why) เราชัดมันจะเปรียบเสมือนเข็มทิศที่กำหนดเส้นทางที่เราเลือก (How) ผลลัพท์ (What) ผลลัพท์ที่ออกมา
Photo by Tim Bogdanov on Unsplash
https://unsplash.com/photos/4uojMEdcwI8
Source: Start with Why book by Simon Sinek
https://youtu.be/u4ZoJKF_VuA
Tuesday Apr 25, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP10 7 สุดยอดนิสัยที่ทำให้ทุกวันดีขึ้นได้
Tuesday Apr 25, 2023
Tuesday Apr 25, 2023
7 สุดยอดนิสัยที่ทำให้ทุกวันดีขึ้นได้
ผมเริ่มพยายามสังเกตุตัวเองในวันที่ดีเราทำอะไร วันที่แย่เราขาดอะไรจนเริ่มเห็นธีมของการใช้ชีวิตที่ทำให้วันนึงกลายเป็นวันที่ดีได้ ธีมนั้นคือการดูแลตัวเอง สำหรับท่านที่อ่านอยู่ธีมของท่านอาจต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละคน
การนอน
การดูแลตัวเองของผมเริ่มจากการที่เราได้พักผ่อนเต็มที่จากคืนก่อน ถ้าตื่นมาแล้วรู้สึกว่านอนเต็มที่เราจะสดชื่นมาก ถ้าวันไหนนอนไม่พอมันเป็นตัวแปลสำคัญอย่างนึงเลยที่ทำให้วันข้างหน้าเรา้ไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องการ โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ที่มีเพียง 48 ชม. เคยรู้สึกไหมครับว่าทำไมวันเสาร์อาทิตย์เราผ่านไปเร็วมากกยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เพราะพอเรานอนไม่พอเมื่อคืนก่อนร่างกายก็จะบอกเองว่าเราควรพักซึ่งก็จะกินเวลาของเราไปจนเราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ การนอนให้เพียงพอสำหรับผมจึงเป็นการเตรียมตัวตัวเองที่ดีที่สุดเพื่อให้เราได้ทำสิ่งที่เราต้องการในแต่ละวัน
การดูแลผิวกาย
หลังจากนั้นคือการดูแลผิวตัวเอง บางวันตื่นมาถ้าไม่ได้อาบน้ำล้างหน้าจะรู้สึกไม่อยากทำอะไร อยากเปื่อยอยู่ในห้องนอน การลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาและดูแลผิวของเราทำให้ผมรู้สึกกล้าที่จะไปเจอคนข้างนอก มันเหมือนบอกสมองว่าเราเป็นคนที่รักความสะอาด การใช้พวกสกินแคร์บำรุงผิวก็บอกว่าเราเป็นคนที่ชอบดูแลตัวเองสร้างวงจรสะท้อนที่ดีให้ตัวเองอย่างต่อเนื่องนั้นคือ เราอยากดูแลตัวเอง > เราอาบน้ำใช้สกินแคร์ > เรารู้สึกสะอาดมีความมั่นใจขึ้น > เราเลยอยากดูแลตัวเองไปเรื่อยๆ
การออกกำลังกาย
นอกจากนั้นคือการออกกำลังกาย ผมเลือกที่จะออกกำลังกายหลังจากได้ตื่นเช้าเพราะถือเป็นกิจกรรมที่ใช้ความตั้งใจและวินัยที่สูง จะลากตัวเองไปออกกำลังกายได้ก็ถือว่าภูมิใจในตัวเองมากแล้วเพราะมันเป็นจุดที่ยากที่สุดสำหรับผม อย่างน้อยถ้าเราได้ Show Up เราได้ออกกำลังกายแน่ๆ ประเด็นคือจะทำอย่างไรให้ Show Up ละ หลังจากได้สังเกตุตัวเองว่าถ้าปล่อยให้ตัวเองไปออกกำลังกายช่วงเย็นข้ออ้างจากความขี้เกียจมันจะเริ่มดึงเราออกนอกทาง ทำงานเยอะเหนื่อยแล้ว ผมเลยเลือกออกกำลังกายตอนเช้า แน่นอนว่าถ้าเราได้ออกกำลังกาย กิจกรรมนี้มันส่งสัญญาณไปบอกสมองว่าเราเป็นคนที่ชอบดูแลตัวเองนะ ถือว่าเป็นการพัฒนาวงจรเสริมตัวตนที่เราอยากดูแลตัวเองไปอีกขั้น
การอ่านหนังสือ (โดยเฉพาะในหัวข้อที่ชอบ)
การอ่านหนังสือแน่นอนว่าเป็นการเสริมความรู้ให้ตัวเอง แต่จุดที่หลายคนพลาดคือเลือก “หนังสือที่เราควรอ่าน” แทน “หนังสือที่เราชอบอ่าน” ง่ายๆคืออย่าฝืนครับ ถ้าจะอ่านหนังสือแล้วไม่จำเป็นต้องไปตามคนอื่น เลือกหัวข้อที่เราอยากได้ความรู้ดีกว่า วิธีที่จะทำให้เราไม่ล้มเลิกที่ดีที่สุดอย่างนึงคือเลือกทำสิ่งที่ตัวเองชอบ ถ้าให้เลือกสิ่งที่มีประโยชน์กับสิ่งที่ชอบยังไงเราก็เอียงไปทางสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว ถ้าสิ่งที่เราชอบมันมีประโยชน์ต่อเราด้วยการอ่านหนังสือของเราก็จะยิ่งสนุกน่าทำไปอย่างต่อเนื่อง อย่าลืมนะว่าถ้าคุณอ่านหนังสือเล่มไหนแล้วไม่ถูกใจ เราไม่ต้องฝืนอ่านให้จบก็ได้ เราเอาเวลาไปเลือกอ่านหัวข้ออื่นที่เราสนใจอย่างแท้จริงดีกว่า ถ้าไม่ชอบอ่านหนังสือเราหาวิธีอื่นที่จะเรียนรู้อย่างฟัง Podcast ดู Video ก็ได้นะ
ได้อยู่กับคนที่เรารัก (รวมถึงสัตว์เลี้ยง)
การได้อยู่กับครอบครัว กับเพื่อน กับคนรัก หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงก็สามารถเติมเต็มหัวใจของเราได้ การที่เราได้เล่าเรื่องราวโดยที่มีคนรับฟังแลกเปลี่ยนก็ได้ฟื้นฟูจิตใจจากวันๆนึงที่ช่างเหนื่อยล้า แต่เราก็ต้องเลือกว่าเราจะให้เวลากับใคร ถือเป็นข้อเตือนใจว่าถึงแม้เราให้เวลากับตัวเองแล้ว อย่าลืมให้เวลากับคนที่เรารักด้วย
ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ
หลายทีเราตื่นมาโดยที่เราไม่ได้เลือกทำสิ่งที่เราอยากทำเลยเพราะมีสิ่งที่คนอื่นต้องการให้เราทำรอคิวอยู่ ไม่ว่าจะมาจากเรื่องงานหรือภารกิจจากที่บ้าน ถ้าเราจมไปกับความต้องการของคนอื่นจนไม่ได้ทำอะไรให้ตัวเองเลยเราก็จะเสียกำลังใจ เราเลือกแบ่งเวลาในแต่ละวันทำสิ่งที่ตัวเองชอบบ้างก็ได้
ให้รางวัลตัวเองที่ทำวันนี้เพื่อตัวเอง
แต่ละวันเราเจออะไรมาบ้าง เราก็ควรอ่อนโยนให้กำลังใจตัวเองให้เป็นเสมอ แต่ละคนก็จะมีวิธีให้รางวัลตัวเองต่างกันไป สำหรับผมได้กินอาหารจานอร่อยก็ถือเป็นการที่เราเติมเต็มพลัง (แต่ก็ให้รางวัลตัวเองเกือบทุกมื้อเลยนะ) แล้วคุณละวันนี้เราได้ให้รางวัลตัวเองบ้างรึยัง
หลังอ่านบทความนี้เพื่อนๆลองสังเกตุตัวเองดูนะครับว่าอะไรที่เราทำในแต่ละวันแล้วทำให้เรารู้สึกดีบ้าง ถ้าวันนี้ยังรู้สึกว่ามันไม่ดีพอเราลองสังเกตุตัวเองดูไหมว่าเราขาดอะไรไป แต่ก็อย่าลืมว่าอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ทำอะไรก็ต้องรู้จักอ่อนโยนกับตัวเองนะครับ
Photo by Priscilla Du Preez on Unsplash
https://unsplash.com/photos/vOeB66Yoriw
#MrHabit #MrHabitDiary #สร้างนิสัย
Monday Apr 24, 2023
Mr Habit Diary 2023 EP9 ข้อคิดจาก Ego is the Enemy โดยคุณ Ryan Holiday
Monday Apr 24, 2023
Monday Apr 24, 2023
Ego is the enemy
ข้อคิดจากหนังสือเรื่อง Ego is the Enemy
ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้เร็วกว่านี้คงดี อีโก้เป็นศัตรูที่ทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายและมันอยู่ใน 3 ช่วงในชีวิตของเรา
ช่วงที่เรากำลังไต่ต้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จ
ช่วงที่ได้ลิ้มรสความสำเร็จ
ช่วงแห่งความผิดหวัง
ช่วงแรกคือช่วงก่อนที่เราจะได้รับความสำเร็จ ถ้าเรามีอีโก้เราจะคิดว่าตัวเองพิเศษ เราเจ๋ง แต่นั้นคือภาพในหัวของเรา มันมีคำพูดที่มีเสียง คำพูดที่ไม่มีน้ำหนักเพราะขาดการกระทำ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องสังเกตุตัวเองว่าเราอยู่แต่ในหัวตัวเองรึเปล่า เราได้เริ่มลงมือทำรึยังและที่สำคัญอย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว เราต้องรู้จักเรียนรู้จากการเดินตามเส้นทางของเรา แต่พอเดินไปเรื่อยๆอีโก้ก็จะวางกับดักเพื่อระหว่างเส้นทางของเรา มันพยายามพาเราออกจากเส้นทางด้วยสิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงเงินตรา สิ่งที่จับต้องได้และมัน Instantly Gratifying พอได้รับก็รู้สึกพอใจทันที เราจึงต้องมองภาพใหญ่เสมอว่าเป้าหมายเราคืออะไร เรากำลังเดินตามเส้นทางของเราหรือไม่ หรือว่าเรากำลังถูกดึงให้ออกนอกเส้นทาง
ช่วงที่สองคือช่วงที่เราได้พบความสำเร็จแต่หารู้ไหมว่าเราก็ต้องเดินต่อไป เราจะหยุดอยู่ที่เดิมหรือเราจะเดินต่อไป พอเราเริ่มประสบความสำเร็จอีโก้ก็จะกลับมา มาย้ำว่าเรานั้นเก่งแค่ไหน เริ่มสร้างเรื่องราวในหัวที่ดูเลิศเลอ แต่เราต้องมีสติและนอบน้อมถ่อมตนอย่าให้อีโก้ดึงเราลงไป หลายทีที่พอเราสำเร็จแล้วเราคึกติดกับอีโก้ทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากไปพาเราจบดิ่งลงไปสู่ความล้มเหลว ความสำเร็จวันนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถใช้สูตรเดียวกันเพื่อสร้างความสำเร็จในวันข้างหน้าได้ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ใหม่เสมอ อย่ายึดติดกับความสำเร็จในอดีต
ช่วงที่สามคือช่วงของความผิดหวังเมื่อเราไม่ประสบความสำเร็จตามที่เราต้องการ อีโก้ก็เข้ามากระซิบบอกว่าไม่ใช่ความผิดเรา โลกมันไม่แฟร์ มันทำให้เราไม่ยอมรับความจริง ปิดการเรียนรู้ที่เราจะได้พัฒนาตัวเอง เราต้องเริ่มจากการยอมรับผลลัพท์ที่เกิดขึ้นและหาทางก้าวต่อไป ที่ต้องระวังอย่างมากคือการฝืนไปต่อไม่รู้จักหยุด เราต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราต้องหยุดแล้วเปลี่ยนเส้นทางของเราและเมื่อไหร่ที่ต้องเดินต่อ การที่เรายึดติดกับความคิดและตัวตนของเรามากไปเป็นหนึ่งในกับดักที่อีโก้จะดึงเราจมดิ่งตามเรือที่เราอยู่เพียงเพราะเราไม่รู้ว่าตอนไหนต้องสละเรือเพื่อไปต่อ นอกจากนั้นเราต้องมีระบบการวัดผลที่เป็นตัวชี้นำของเราเอง สร้างมาตราฐานที่สูงจะได้ไม่ต้องคอยเดินตามมาตราฐานที่คนอื่นตั้งไว้ เพราะแน่นอนว่าอีโก้ชอบการเปรียบเทียบ ชอบชื่อเสียงเงินตราที่จับต้องได้
Photo by Milan Popovic on Unsplash
https://unsplash.com/photos/Zf0-90SpDD0
Source: Ego is the enemy book by Ryan Holiday
#EgoIsTheEnemy #RyanHoliday #สรุปหนังสือ #ข้อคิด #อีโก้
Sunday Apr 23, 2023
Sunday Apr 23, 2023
อยากนำเรื่องนี้มาแชร์ซักพักหลังจากได้อ่านจบ เป็นหนังสือที่คนเลี้ยงแมวอยู่แล้วต้องนึกตามได้เป็นแน่ สำหรับใครที่ไม่ได้เลี้ยงแมวอยากให้ลองสังเกตุแมวใกล้ตัวคุณว่าพฤติกรรมของมันนั้นเป็นอย่างไร เราสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตโดยการวิเคราะห์เจ้าเหมียวได้ไหม
Authentic แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างซื่อตรงกับตัวเอง มีความเป็นตัวเองสูง ไม่ชอบอะไรก็แสดงออกชัดเจน ชอบอะไรก็เข้าหาโดยไม่ยอมแพ้ ลองสังเกตุเจ้าเหมียวของคุณสิครับ เวลาเปลี่ยนอาหารให้มันถ้ามันไม่ชอบมันจะไม่กินเลย ส่วนเวลาจะลูปมันถ้าไม่ใช่จังหวะที่มันต้องการมันก็จะโชว์กรงเล็บเตรียมตัวเราทันที ถ้ามันรู้สึกไม่สบายใจมันก็จะหนีไปอยู่ในจุดซ่อนตัวที่มันรู้สึกสงบและปลอดภัย ส่วนตัวนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับสิ่งที่ไม่ชอบก็ได้ ถ้าชอบก็เข้าหา ถ้าไม่ชอบก็ปฎิเสธ รู้จักคำว่าไม่ เป็นตัวของตัวเอง ง่ายๆ “อย่าฝืน!”
ความ Authentic นี้นำพามาสู่ความมีสเน่ห์แมวรู้ว่ามันเป็นอะไรและรู้ว่ามันไม่ใช่อะไร ถึงแม้แมวไม่ใช่เจ้าป่าอย่างสิงโตแต่มันก็เดินอย่างสง่า อยากเอาตัวไปโดนขาใครก็ทำ (สำหรับเคสนี้ถ้าไปรบกวนคนอื่นก็ไม่ควรนะ) แต่ คนที่รักแมวรักมันเพราะความที่มันเป็นตัวของมันเองไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำตัวเป็นคนอื่น
การที่เราซื่อตรงกับตัวเองทำให้เราไม่ต้องมากังวลว่าเราเป็นคนจอมปลอมรึเปล่า ซึ่งสิ่งนี้ผมขอดึงเรื่อง Cognitive Dissonance เข้ามาด้วยนั้นคือการที่เราไม่สบายใจเวลาเราพูดอย่างนึงแต่ทำอีกอย่าง การที่เราซื่อตรงกับตัวเอง เราไม่โกหกตัวเองและคนอื่นทำให้เราไม่ต้องมาแบกรับภาระว่าเราได้ทำในสิ่งที่เราโม้หรือโกหกไปรึเปล่า
การจะใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงกับตัวเองอย่างเจ้าเหมียวได้เราลองสังเกตุครับว่าแมวมันไม่แคร์ว่าคนอื่นหรือแมวตัวอื่นคิดยังไงกับมัน ผมรู้สึกว่าพวกเรา(โดยเฉพาะตัวผมเอง)คิดเยอะ แคร์คนอื่นเยอะ กลัวเราจะดูไม่ดี พยายามทำให้ทุกคนชอบเรา แต่ไม่มีทางเลยครับที่เราจะเป็นที่รักของทุกคน ความคิดแต่ละคนก็ต่างกันแล้ว แมวเราไม่มานั่งส่องกระจกแคร์หน้าตาการแต่งกายของมันหรอก มันเอาตัวไปคลุกดินคลุกฝุ่นใช้ชีวิตของมันกลับมามันก็มาเลียขนทำความสะอาดและกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมวนไป
อีกอย่างคือมันไม่เก็บเรื่องในอดีตมาคิด ชอบที่ผู้แปลเขาใช้คำนี้ “แล้วทุกอย่างจะผ่านไป” มนุษย์เราชอบเก็บเรื่องที่ผ่านไปแล้วมาคิดกังวลทำให้วันดีๆข้างหน้าผ่านไป พอนึกไปบางทีเราก็มานั่งระบายให้แมวฟังเหมือนผู้เขียนโดยที่แมวเราก็จ้องเราพร้อมที่จะรับฟัง ในสายตามันคงบอกให้เราพักบ้างอย่าเก็บเรื่องราวในอดีตมาคิดเลย มาพักอย่างสงบและอยู่กับปัจจุบันดีกว่า
#MrHabit #ใช้ชีวิตแบบแมว #แมว #ไลฟ์โค้ช #WeLearn #วีเลิร์น
Monday Mar 13, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP5 เล่าประสบการณ์สร้างนิสัยการอ่านหนังสือ
Monday Mar 13, 2023
Monday Mar 13, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP5 เล่าประสบการณ์สร้างนิสัยการอ่านหนังสือ
วันนี้อยากมาเล่าประสบการณ์การกลับมาสร้างนิสัยการอ่านหนังสือของตัวเองครับ
ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ ทุกครั้งที่อ่านรู้สึกว่าเราสงบ เราได้อยู่กับตัวเองแต่เราก็กลับห่างหายจากการอ่านไปนาน การกลับมาครั้งนี้เริ่มจากการที่เราได้ใช้วันลาไปเที่ยวต่างประเทศและพกหนังสือติดตัวที่ได้เริ่มอ่านระหว่างเดินทาง มันทำให้เราได้กลับมา Connect กับการอ่านใหม่อีกครั้งและอยากทำให้เป็นนิสัยครับ
วิธีที่ผมตั้งคือการตั้งเป้าหมายอ่านวันละบท ฟังดูแล้วความยากง่ายก็ขึ้นอยู่กับตัวหนังสือด้วยว่าเราอ่านเล่มไหน แต่ผมตั้งเป้าหมายนี้เพราะอยากให้มันทำง่าย ทำได้ทุกวัน หนังสือที่ผมอ่านอยู่ชื่อ Ego is the enemy โดยคุณ Ryan Holiday ที่มีหลายบท แต่ละบทมีความยาว 5-10 หน้าถือว่าใช้เวลาวันละ 5-10 นาทีก็ทำได้ ผมเลยเริ่มพกหนังสือเล่มนี้ติดตัวหลังจากกลับมาทำงานโดยจะอ่านเน้นไปช่วงที่เดินทางบนรถไฟฟ้า BTS ครับ
อีกข้อที่ผมทำคือ 2 Days Rules นั้นคือการที่เราพลาดได้ แต่อย่าพลาดติดต่อกัน 2 วันนะ ข้อนี้มีไว้เพื่อให้เราไม่กดดันตัวเองมากไปและเน้นไปที่คุณภาพ ผมไม่อยากบีบบังคับตัวเองให้ทำบางอย่างแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ปกติเราชอบทำครับ เพราะถ้าเราไปกดดันตัวเองตลอดเดี๋ยวเราจะเกลียดสิ่งนั้นเอา ผมอยากให้การอ่านของผมเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสงบเสมอไม่ใช่อ่านเพราะเรากังวลใจไม่ได้อ่าน
สุดท้ายการอ่านหนังสือก็ช่วยให้ผมมีข้อคิดมาแชร์ให้ผู้ฟัง Podcast กับผู้ที่ตาม Blog ของผม มันเลยเป็นแรงบันดาลใจอีกแรงที่ช่วยให้ผมได้อ่านต่อไปเรื่อยๆ อ่านเสร็จ 1 บทก็จะพยายามสรุปให้ออกมาเป็นคำพูดความเข้าใจของตัวเอง พร้อมกับโยงประสบการณ์เก่าๆมาชวนคุยทำให้ได้เรียนรู้แบบ Active Learning นะครับ และการที่เรามาแชร์กับผู้ฟังกับผู้ติดตามต่อก็เป็นการที่ผมได้เรียนรู้สิ่งนี้อีกรอบด้วย ก็ต้องขอบคุณทางผู้ฟังและผู้ติดตาม Page Mr.Habit Diary ต่อเรื่อยๆเช่นกันครับ
Photo by Thought Catalog on Unsplash https://unsplash.com/photos/mmWqrsjZ4Lw
#สร้างนิสัย #อ่านหนังสือ #Mr.Habit #Mr.HabitDiary
Saturday Jan 14, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP4 สร้างระบบพิชิตนิสัย
Saturday Jan 14, 2023
Saturday Jan 14, 2023
ในวันที่ที่เราท้อเรามักย้อนกลับไปเลือกสิ่งที่มัน Instantly Gratifying นั้นก็คือสิ่งที่มันทำแล้วรู้สึกดีและเห็นผลทันที สิ่งเหล่านั้นอาจให้ความรู้สึกที่ดีได้ชั่วคราวแต่หลังจากนั้นหละ หลายๆทีพฤติกรรมที่เราอยากสร้างมันไม่เห็นผลทันทีและเราจะมามัวแต่คาดหวังต่อแรงบันดาลใจไม่ได้ เราเลยต้องสร้างระบบเพื่อที่มาพิชิตนิสัยของเรา
ระบบพิชิตนิสัยนั้นมี 3 องค์ประกอบนั้นคือ
1) สถานการณ์ที่เราเจอ CUE
2) พฤติกรรมที่เราจะทำ ROUTINE
3) ตัวตนที่เราอยากจะสร้าง IDENTITY
เราต้องสร้างระบบที่บอกสมองว่าเราอยากจะทำอะไรเมื่อเจอสถานการณ์ไหนและพฤติกรรมที่เราเลือกมันตรงกับตัวตนที่เราอยากสร้างหรือไม่
วิธีนี้ต้องใช้เวลาสังเกตุตัวเองมากๆว่าเราเจอสถานการณ์อะไรบ้าง สถานการณ์นั้นกระตุ้นให้เราทำอะไร เราสามารถเลือกพฤติกรรมของตัวเองได้ไหม
Source: Atomic Habits book by James Clear
Credit: Photo by Thom Milkovic https://unsplash.com/photos/Q8yB-29GNTs
#สร้างนิสัย #JamesClear #AtomicHabits #MrHabitDiary #Productivity
Sunday Jan 08, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP3 ความเชื่อผิดๆในการสร้างนิสัย
Sunday Jan 08, 2023
Sunday Jan 08, 2023
หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่าสร้างนิสัยมันใช้เวลา 21 วัน แต่มันจริงหรอ? บางที่บอก 30 วัน บางที่บอก 90 วัน
คำตอบว่าจะกี่วันนิสัยถึงจะเกิดมันขึ้นอยู่กับตัวคนและตัวนิสัยที่จะสร้างครับ เพราะฉะนั้นมันไม่มีหรอก Magic Number ว่าต้องทำกี่วันนิสัยถึงจะเกิด แถมนิสัยมันต้องทำตลอดนะ ถ้าวันนึงคุณเลิกทำไปนิสัยใหม่ๆก็จะมาทดแทนนิสัยเก่าๆ เราต้องสร้าง Progress เรื่อยๆ
ถ้าคุณยังเชื่ออยู่ว่านิสัยต้องใช้กี่วันถึงจะทำสำเร็จคุณอาจจะตกอยู่ใน Myth of vertical progress ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างตึกสูงในเกม Jenga วันนึงที่เราทำสำเร็จเรามองว่าเราได้ขยับขึ้นไปชั้นนึงแต่ในเกม Jenga ตึกยิ่งสูงมันก็ยิ่ง Unstable ทำให้ยิ่งล้มง่าย นี้เป็นการเปรียบเทียบว่าถ้าคุณพลาดเมื่อไหร่ตึกมันจะถล่มทันทีทำให้การมองนิสัยว่าต้องทำกี่วันนิสัยถึงจะเกิดเป็นการกดดันตัวเองเลย ถ้าไปถึงแล้วนิสัยไม่เกิดหละ ถ้าไปไม่ถึงหละ?
เราลองเปลี่ยนมามองนิสัยเป็นเหมือนการสร้างเส้นทางของเราแทนไหม จุดหมายปลาดทางสามารถไปได้หลายเส้นทาง บางวันคุณจะเริ่มสังเกตุว่าเส้นทางที่คุณเดินอยู่มันเริ่มไม่เหมาะกับคุณแล้ว คุณต้องเริ่มสร้างเส้นทางใหม่ ต้องตัดหญ้าตัดไม้ปูพื้นวางอิฐ ยิ่งคุณทำไปเรื่อยๆเส้นทางมันยิ่งเดินสะดวกสบายมากขึ้น วันไหนคุณไม่ทำหญ้ากับไม้ก็อาจโตแต่เส้นทางที่คุณสร้างมันก็ยังอยู่แค่ต้องตัดหญ้าตัดไม้นิดหน่อยคุณก็จะเจอทางเดินที่คุณได้สร้างมันไว้แล้ว
Source: The biggest habit building mistake https://youtu.be/B-d79DtMTiE
Credit: Photo by Michał Parzuchowski https://unsplash.com/photos/geNNFqfvw48
#MrHabit #MrHabitDiary #ข้อคิด #ปีใหม่ #สร้างนิสัย
Saturday Jan 07, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP2 4 คำถาม ที่จะทำให้ปีใหม่ของคุณเปลี่ยนไป
Saturday Jan 07, 2023
Saturday Jan 07, 2023
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ตั้ง New Year Resolution ผมอยากให้ลองถามคำถาม 4 ข้อนี้กับตัวเองครับ
#1 มีอะไรที่เราอยากทำมากบ้าง
สิ่งที่คุณทำอยู่แล้ว คุณแค่อยากทำมันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำมันถี่ขึ้น นานขึ้น หรือ Intense ขึ้น อยากออกกำลังกาย อยากอ่านหนังสือ อยากนอนพักผ่อน
#2 มีอะไรที่เราอยากทำน้อยลงบ้าง
สิ่งที่คุณทำอยู่แล้วแต่คุณอยากจะลดมันลงไป มันเป็นสิ่งที่คุณยังตัดขาดไม่ได้แต่ถ้าอย่างน้อยลดได้บ้างก็ดี อย่างเช่นการเล่นโทรศัพท์ ใช้ Social Media ก็เราไม่ได้อยากตัดขาดจาก Social นี้แต่เราไม่อยากใช้เวลากับมันมากไป
#3 มีอะไรที่เราอยากเริ่มทำบ้าง
สิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อนหรือไม่ได้ทำมานานมากแล้วแล้วคุณอยากจะเริ่มต้นทำมัน
#4 มีอะไรที่เราอยากเลิกทำบ้าง
สิ่งที่คุณทำอยู่แล้วคุณอยากตัดมันทิ้งไปเลย การสูบบุหรี่ นิสัยแย่ๆทั้งหลายที่อยากเลิก
Bonus: บางทีเราไม่ต้องเพิ่มหรือลดก็ได้ แค่ทำเหมือนเดิมจากที่เคยทำก็ถือเป็นตัวเลือกเหมือนกัน
Source: 4 Ways To Change Your Life in 2023 | Jim Kwik https://www.youtube.com/watch?v=w5yspRqB2w8
Credit: Photo by Towfiqu barbhuiya https://unsplash.com/photos/oZuBNC-6E2s
#MrHabit #MrHabitDiary #ข้อคิด #ปีใหม่ #สร้างนิสัย
Sunday Jan 01, 2023
Mr.Habit Diary 2023 EP1 กฎ 5 ข้อที่ทำให้ New Year Resolution ของคุณสำเร็จ
Sunday Jan 01, 2023
Sunday Jan 01, 2023
ช่วงปีใหม่แน่นอนว่ามาคู่กับ New Year Resolution ครับ แต่ผมขอถามถึงปีที่แล้วว่า New Year Resolution 2022 ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง คุณได้ทำมันสำเร็จรึเปล่า ปีนี้เราจะทำให้มันดีกว่าเดิมได้ไหม?
นี้คือ กฎ 5 ข้อที่ทำให้ New Year Resolution ของคุณสำเร็จในปีนี้ครับ
#1 คอยสังเกตุความเครียดของตัวเอง
ส่วนใหญ่ที่เราไปทำสิ่งที่เราไม่ควรทำมันเพราะเราเครียด พอเราเครียดเราเริ่มถามหาสิ่งที่สร้างความสุขให้เราทันทีแต่ความสุขนั้นอาจไม่ได้สร้างประโยชน์ให้เราในระยะยาว เราสามารถจัดการความเครียดของเราได้ดีแค่ไหน เรานอนพอไหม ได้ออกกำลังกายรึเปล่า เราได้ใช้เวลากับตัวเองเพื่อทำความเข้าใจกับตัวเองแค่ไหน
#2 รู้จักสังเกตุ CUE ของตัวเอง
ใน Habit Loop ประกอบไปด้วย CUE - ROUTINE - REWARD
Cue คือจุดที่บอกเราให้เริ่มทำ Routine เพื่อที่จะได้รับ Reward แปลว่าถ้าเราสามารถรู้ว่า Cue ของเราคืออะไรเราสามารถทำสิ่งที่เราอยากทำได้มากขึ้นโดยการเพิ่ม Cue ของเราหรือทำสิ่งที่เราอยากเลี่ยงให้น้อยลงโดยการตัด Cue นั้นๆ เช่นถ้าอยากออกกำลังกายมากขึ้นลองเอารองเท้ากีฬามาไว้ข้างเตียงให้เราได้เห็นตอนตื่น จัดเสื้อผ้าออกกำลังกายตั้งแต่ก่อนนอน ถ้าเราอยากเลิกกินขนมก็อย่าซื้อขนมมาไว้ในบ้านแต่แรก
#3 เลิกโฟกัสกับการเลิกทำนิสัย ให้ไปโฟกัสกับการทำนิสัยที่จะมาทดแทนนิสัยเก่า
เวลาเราบอกตัวเองให้เลิกทำอะไร สุดท้ายสมองเรายังรับรู้ถึงสิ่งนั้นเสมอ เช่นเลิกสูบบุหรี่ สมองเรายังรับรู้ถึงการสูบุหรี่อยู่ มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่นิสัยไม่สามารถเลิกได้แบบ 100% แต่เราสามารถหานิสัยใหม่ๆมาทดแทนนิสัยเก่าได้ สมองเรามัน Action-oriented แทนที่เราจะโฟกัสว่าเลิกทำอะไร เราหา Action ใหม่ให้มันทำดีกว่า ทุกครั้งที่เรารู้สึกอยากสูบบุหรี่ ให้บอกตัวเองว่าเราจะทำ_____
#4 คุณต้องมีเหตุผลที่ดีกว่านี้ในการเปลี่ยนแปลง
การทดแทนนิสัยจากกฎข้อ 3 อย่างเดียวไม่พอเพราะ Reward ของนิสัยเก่าอาจดีกว่า Reward ที่นิสัยใหม่ให้ เราต้องหาเหตุผลที่สำคัญพอที่จะทำให้เราเลือกทำนิสัยใหม่ของเรา
การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้เมื่อความเจ็บปวดในการอยู่ที่เดิมมันมากกว่าการเจ็บปวดในการเปลี่ยนแปลง ตัวเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงแต่ถ้าเราให้เหตุผลที่มากพอเราจะเริ่มรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเรามัวแต่อยู่ที่เดิม
#5 Will power อย่างเดียวไม่พอ
Will power เหมือนกล้ามเนื้อ ถ้าเราใช้มันมากๆมันก็จะอ่อนล้า เราต้องจัดการตัวเองโดยการกลับมาถามว่า เป้าหมายของเรา Goal ของเรามันทำได้จริงไหม มันยั่งยืนไหม และเราตั้ง Goal เยอะไปรึเปล่า เราลองตั้ง Goal ที่อาจไม่ใหญ่มากแต่ทำได้ต่อเนื่อง ไม่ยากเกินไปจนทำไม่ได้ แต่ไม่ง่ายเกินไปที่มันน่าเบื่อ เริ่มจากอะไรเล็กๆที่ยั่งยืนดีกว่า
แถม Technique เตือนใจ
Technique นี้คือการถามตัวเองว่าจะทำ _____ หรือไม่ทำ คำตอบมีแค่นั้นเลยครับ "ทำ" กับ "ไม่ทำ" ที่เราถามตัวเองแบบนี้เพราะเราพยายามปิดโอกาสที่เราจะให้ข้ออ้างที่มักจะมพร้อมกับคำถามปลายเปิด เรายังใช้คำถามนี้เป็นการเตือนใจตัวเองว่าเราอยากเป็นคำแบบไหนกันแน่
สำหรับปีใหม่นี้ Goal ของคุณคืออะไร? คุณจะทำมันไหม?
Source: SPECIAL: 5 Scientific Rules for Making & Breaking Habits in 2023! | E208 https://www.youtube.com/watch?v=v9VtjcRaRWc&t=2128s
Credit: Photo by Aakash Dhage https://unsplash.com/photos/jaacHOkToDA
#MrHabit #MrHabitDiary #ข้อคิด #ปีใหม่ #สร้างนิสัย
Saturday Dec 03, 2022
Mr.Habit Diary 2022 EP9 จัดการเวลายังไงเพื่อใช้ชีวิตให้สุด
Saturday Dec 03, 2022
Saturday Dec 03, 2022
ถ้าพูดถึงเรื่องเวลาคุณเคยสังเกตุไหมว่ามีทั้งช่วงที่เวลาผ่านไปเร็วและช่วงที่เวลาผ่านไปช้า
*Episode นี้ขอให้เครดิตหนังสือ"พลังพลิกชีวิตของกิจวัตรยามเย็น"เต็มๆนะครับ*
ช่วงที่เวลาผ่านไปช้าเป็นช่วงที่เราจดจ่อกับมันเช่นตอนออกกำลังกายอย่างท่า Plank หรือเวลาต้มมาม่า เวลาจะค่อยๆผ่านไป แต่ก็มีช่วงเวลาที่ผ่านไปเร็วมากจนเรามาถามตัวเองอีกทีว่านี้ผ่านมาขนาดนี้แล้วหรอ ยังไม่ทันทำอะไรเลย
ใน Episode นี้ผมอยากพูดถึงปัญหาที่ว่าเวลาผ่านไปจนเรารู้สึกเสียดายครับ
การที่เราจะจัดการเวลาตัวเองได้เราต้องรู้ก่อนว่าในแต่หละวัน เราทำอะไรบ้าง เราใช้เวลากับมันมากน้อยแค่ไหน ฟังดูแล้วอาจละเอียดไปแต่ถ้าเราได้เห็นภาพว่าวันนึงเราใช้เวลาไปกับอะไร เราก็สามารถมองหา Slot เวลาที่ว่างและ Slot เวลาที่เราอาจใช้ทำสิ่งที่ไม่จำเป็นได้
เมื่อเราเริ่มมองเห็นถึงโอกาส (slot เวลาที่ว่าง) และปัญหา (slot เวลาที่ใช้ไปกับสิ่งไม่จำเป็น) เราก็สามารถเริ่มใส่กิจกรรมที่เราอยากทำเข้าไปได้ ขอแค่กิจกรรมนั้นมีประโยชน์ ทำแล้วมีความสุข หรือการทำแล้วรู้สึกได้พักผ่อนก็ถือเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
แล้วการใช้เวลาแบบไม่คุ้มค่ามันคืออะไรหละ?
การใช้เวลาแบบปล่อยให้มันผ่านไป การพักผ่อนก็ไม่ใช่ ไม่ได้ทำอะไร แค่ปล่อยไหลไปเรื่อยๆ เทียบกับได้ทำสิ่งที่ชอบหรือได้ไปนอนพักซักงีบยังดีกว่า
สุดท้าย Episode นี้ก็อยากเตือนใจผู้ฟังว่าเรื่องการใช้เวลาของเรา เราได้ทำในสิ่งที่เราชอบรึเปล่า เราได้ใช้เวลาในการพักผ่อนรึเปล่า
Source: พลักพลิกชีวิตของกิจวัตรยามเย็น
#MrHabit #MrHabitDiary #ข้อคิด #การจัดการเวลา #สร้างนิสัย