Mark Manson อยากบอกอะไรกับคนช่วงอายุ 20s
Mark Manson ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Subtle Art of Not Giving a F*ck เขาได้ทำวิดิโอที่เล่า 6 สิ่งที่เขาอยากบอกกับคนช่วงอายุ 20 พวกเราจะได้ไม่พลาดเหมือนเขา
.
1) The willingness to be disliked is a superpower
.
เราโตมากับการที่ต้องเป็นอย่างคนอื่นรึเปล่า สังคมบางที่ยังบอกเลยว่าคุณควรทำแบบคนอื่น คิดแบบคนอื่น อย่าทำตัวแตกต่างและทุกคนจะชอบคุณ แต่ลองมาคิดดูถ้าทำแบบนั้นเราก็เหมือนคนทั่วไปเลยนะสิ เราก็ไม่มีลักษณะโดดเด่น ไม่มีตัวตนที่ชัดเจน ถ้าผมเปรียบเสมือนเกมก็คงเป็นตัวละคร NPC ตัวนึงที่ไม่ได้มีส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องหลักเลย คงถูกมองข้ามไปด้วยซ้ำ ซึ่งทุกอย่างมันเกิดจากการที่เราอยากให้ทุกคนชอบเรา แต่การที่เราจะรักษาตัวตนของเราไว้มันก็ต้องเจอกับคนที่ไม่ชอบเราบ้างเป็นเรื่องธรรมดา นี้ไม่ได้แปลว่าเราต้องทำตัวขวางโลกทำตัวแตกต่างเพื่อที่จะแตกต่างนะครับ เราแค่ต้องเรียนรู้ที่จะคิดและทำในสิ่งที่ถูกในวันที่คนรอบตัวเราไม่ทำ ยอมรับคำติจากคนอื่นเพื่อพัฒนาตัวเองถึงแม้ว่ามันอาจรุนแรง กล้าที่จะถูกเกลียดเพราะเมื่อคุณสามารถรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นได้ จะไม่มีใครหยุดคุณได้
.
2) You can't fundamentally change yourself or others
.
ไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องง่ายและเห็นได้ในพริบตา เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงความคิดของคนอื่นได้และไม่สามารถไปบังคับเขาได้ ยิ่งเราโตขึ้นเรายิ่งเรียนรู้ว่าสุดท้ายเราแค่ต้องรู้จักยอมรับในสิ่งที่เราเป็นและคนรอบข้างของเรา ผมฟังช่วงนี้แล้วตีความได้ว่า อย่าฝืน บางการเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถทำได้ แต่มันมีสิ่งที่เราเปลี่ยนไม่ได้เช่นกันหรือเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยาก พอนึกแล้วก็นึกถึงการที่เราควรเน้นไปที่การพัฒนาจุดแข็งของเรามากกว่าการมาเปลี่ยนจุดอ่อนของเรา อาจไม่ได้ Perfect สมบูรณ์แบบนะครับแต่คำว่า Perfect มันมีจริงหรอ? อย่างน้อยเราได้เข้าใกล้คำนั้นเรื่อยๆ ผมว่าก็เป็นความก้าวหน้านะ
.
3) If you're not embarrassing yourself regularly, you're not trying hard enough
.
ช่วงอายุนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต ถ้าเราพลาดถ้าไม่ได้พลาดไปอย่างน้อยเราก็กลับมาตั้งตัวใหม่ได้ด้วยแรงและเวลาที่เรามี ลองทำอะไรใหม่ๆ กล้าออกไปเสี่ยง ยอมรับว่าเรายังเรียนรู้อยู่จะให้เก่งเลยคงไม่ได้ อยากเสริมว่าเรายังไม่จำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองชอบอะไรก็ได้นะช่วงนี้เพราะฉะนั้นใช้ช่วงนี้แหละในการค้นหาตัวเอง อย่างมากก็เลิกซึ่งเราก็สามารถเปลี่ยนได้เสมอ อ่อนโยนกับตัวเองค่อยๆหาทางของตัวเองแต่สำคัญสุดคือต้องเริ่มออกไปเจออะไรใหม่ๆลองทำอะไรที่ Challenge ตัวเองบ้าง
.
4) Most relationships are supposed to end, and that's okay
.
ความสัมพันธ์ส่วนใหญ่มักจะจบไปและนั้นเป็นเรื่องปกติ คุณไม่ต้องฝืนรักษาความสัมพันธ์เพราะเมื่อคุณฝืนความสัมพันธ์ที่จะจบอยู่แล้วมันอาจจะยิ่งจบไม่ดีเข้าไปใหญ่ พอโตขึ้นก็เริ่มมีหน้าที่ มีภาระ มีความรับผิดชอบที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ดีๆนั้นจางหายไปบ้าง แต่อย่าให้ความสัมพันธ์มาหยุดคุณกับการที่คุณจะได้โฟกัสกับตัวเอง
.
5) Your dreams are overrated
.
ความฝันใหญ่ เป้าหมายในชีวิตเราอาจไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขนาดนั้นก็ได้ ถ้าเราไปได้ถึงฝันเราก็คงมีความสุขแต่ความสุขนั้นคงมีแค่ระยะนึง เพราะสุดท้ายชีวิตคุณก็ต้องไปต่อ คงมีฝันใหม่และเป้าหมายใหม่ตามเข้ามา แต่ถ้าคุณไปไม่ถึงฝันละแล้วชีวิตคุณจะล้มเหลวเลยรึเปล่า ฟังแล้วผมนึกถึงเรื่องการมีเป้าหมายเพื่อเป็นตัวกำหนดเส้นทางของเราแต่เราก็ต้องหาความสุขจากการได้เดินตามเส้นทางนั้นด้วยเช่นกันซึ่งพาไปสู่ข้อถัดไป
.
6) The only way to feel better about yourself is to do things worth feeling good about
.
การที่มีสิ่งของมาครอบครอง ได้รางวัลที่ยิ่งใหญ่ ได้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก สิ่งเรานี้ถ้าเราได้มาก็จะสร้างความสุขให้เราได้แต่คงสร้างได้แค่ชั่วขณะ ลองเลิกมองความสุขจากสิ่งที่มี (สิ่งของภายนอก) และเริ่มมองหาความสุขจากการได้ทำ ซึ่งคือความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่มีความหมายสำหรับเรา
.
Credit: 20 icons20 icons created by LAFS - Flaticon
https://www.flaticon.com/free-icons/20
.
Source: The Life-Changing Advice I Wish I Knew in My 20s
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.